วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

Wagakki การผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออกที่ลงตัว

ผมเป็นคนชอบฟังเพลงในยูทูป เห็นชื่อวงแปลกๆ ภาพตัวอย่างเท่ๆผมก็จะเข้าไปฟังทันทีโดยไม่รีรอ
แต่บางทีแค่ฟังอินโทรขึ้นปิดไปเลยก็มี

แต่สำหรับวงนี้แค่อินโทรก็อดใจไม่ไหวครับต้องฟังจนจบ แล้วก็อุทานในใจเบาๆว่า
แม่ง โคตรเจ๋ง !

วงนี้ชื่อวง วะงั๊กคิ แบนโดะ  "Wagakki Band"  (和楽器バンド) จากประเทศญี่ปุ่นครับ
คำว่า  Wagakki ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็ประมาณว่า ดนตรีพื้นบ้านของญี่ปุ่น

หลังจากหลงไหลได้ปลื้มกับ Babymetal  อยู่พักใหญ่ ตอนนี้ผมคลั่งวงนี้ไปเรียร้อย
แนวเพลงของวงจัดว่าเป็น J-rock ได้ แต่เป็น J-rock ที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นเข้าไป บางเพลงก็เอาเพลงดั้งเดิมขอญี่ปุ่นมาทำใหม่ในสไตล์ร็อค แต่ใส่เครื่องดนตรีพื้นบ้านของญี่ปุ่นลงไปในเพลงด้วย ทำให้วงนี้เด่นมากๆ

และเอกลักษณ์ชของวงอีกอย่างคือ นักร้องนำครับ ที่หน้าตาน่ารักมาก เธอชื่อ  Suzuhana Yuuko หรือ
Yuukorin เธอมีเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยสไตล์การร้องแบบดนตรีพื้นบ้านญี่ปุ่น  ถ้าเทียบก้บของไทยก็ประมาณร้องแบบมีลูกคอเหมือนลูกทุ่งบ้านเรานี่แหละครับ
เรามาดูหน้าค่าตาของบรรดาสมาชิกแต่ละคนดีกว่าครับ


Vocal : Yuuko Suzuhana


Shakuhashi (เครื่องเป่าคล้ายๆขลุ่ย): Daisuke Kaminaga 

Shamisen (เครื่องดีดเหมือนพินบ้านเรา) : Beni Ninagawa

Wadaiko (กลองญี่ปุ่น) : Kurona  



Guitar : Mashiya


Bass : Asa


Drums : Wasabi


Goto (คล้ายจระเข้บ้านเรา คล้ายพินของจีน) : Kiyoshi Ibukuro


ตอนนี้ทางก็มีอัลบั้มเต็มออกมาแล้วนะครับ
กำลังจะวางแผงในวันที่ 23 เมษายน 2557 นี้
CD, CD+DVD, และ CD+Blu-ray ครับ
มีชื่ออัลบั้มว่า  ボカロ三昧 ( Bokaro sammai)
ในอัลบั้มชุดนี้ทีืั้งหมด 12 เพลงครับ





ลองมาฟังเพลงของทางวงมั่งครับ











  
                           
                      ที่มา http://pantip.com/topic/31594892
                              https://www.facebook.com/WagakkiBand
                              http://wagakkiband.jp

Finch 10 ปีผ่านไปหลังจาก What it is to burn



ย้อนเวลาไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนมีแนวเพลงแนวหนึ่งที่ดังระบาดไปทั่วโลกแทนที่แนวเพลง แร็พ ร็อค หรือ นู เมทัล ที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง
 กางเกงขาเด๊ป เสื้อฟิตเปรี๊ยะ ไม่ก็เสื้อเชิ๊ตลายสก็อต(บางคนเรียกเสื้อตัดอ้อย ) และที่สำคัญที่สุด ผมต้องเป๋เรียบ ใช่แล้วครับ แนวนั้นคือ อีโม นั่นเอง
แต่วันนี้ผมไม่ได้มาเขียน อธิบายว่า อีโมต้องเป็นแบบไหนอย่างไรนะครับ แต่ผมจะรำลึกความหลังถึงวงดนตรีวงหนึ่งซึ่งถือได้ว่า เป็นวง อีโม ยุคบุกเบิกรุ่นเดียวกับวงอย่าง The used ,Funeral For a Friend, Story of the year เลยที่เดียว และที่สำคัญเป็นวงโปรดผมด้วย(อิอิ)วงนั้นมีชื่อว่า Finch 

  สมาชิกของ Finch ประกอบไปด้วย

Nate Barcalow - Vocal
Randy "R2K" Strohmeyer - Lead Guitar backing Vocal
Alex "Grizzly" Linares  - Rhythm Guitar
Alex Pappas - Drums
Daniel Wonacott - Bass Guitar

Finch ออกอัลบั้มเต็มครั้งแรกเมื่อปี 2002 โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า What it is to burn โดยออกกับค่าย Drive-Thru ,MCA และได้  Mark Trombino (Jimmy Eat World ,Madina lake ,Blink 182) เป็นโปรดิวเซอร์

โดยก่อนหน้าพวกเขาเคยออก EP มาแล้ว 1 ชุดในปี 2001 ในชื่อว่า Falling into Place


ในช่วงที่ Finch ออกอัลบั้มชุดนนี้นั้น กำลังอยู่ในช่วงกระแสเพลง นู เมทัล ครองโลกอยู่ แต่ก็เป็นยุคที่กำลังเริ่มเสื่อมความนิยมลง และ  Finch ก็พาแนวเพลงของหลุดจากความจำเจ เปิดศักราชใหม่ให้กับวงก็ารเพลง และทางวงเองก็กลายเป็นที่น่าจับตามองทันที

ด้วยริฟกีตาร์ที่สุดแสนจะไพเราะแต่ก็แฝงไว้ด้วยความรุนแรง  สไตล์การร้องของนักร้องนำ Nate Barcalow ที่ออดอ้อน แต่บทจะโหดก็โหดขึ้นมาทันที (เขาบอกว่าสไตล์การร้องของเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Chino แห่ง Deftones) ทำให้วงเป็นที่กล่าวถึงอย่างรวดเร็ว



หลังจากนั้นวงที่เล่นสไตล์นี้ก็ออกตามมากันเป็นพรวน


และใน ปี 2005 พวกเขาก็ได้ออกอัลบั้มที่ 2 โดยใช้ชื่อว่า Say Hello to Sunshine
โดยชุดนี้ น่าจะได้อิทธิพลมาจากวง At the drive in ค่อนข้างมาก ริฟท์กีตาร์แบบเพราะๆ เมโลดี้ที่ติดหูหายไป แต่ถูกริฟท์กีตาร์แบบดิบดุดัน เกรี้้ยวกราด และมีความซับซ้อนมากขึ้น เสียงร้องของเอง Nate ก็ดูโหดและเกรี้ยดกราดกว่าเดิมมากด้วย


ซึ่งจากการเปลี่ยนซาวด์ดนตรีนี้เอง ทำให้แฟนๆหลายคนร้องยี้ แต่อย่างไรก็ตามอัลบั้มนี้สามารถติด บิลบอร์ด 200 ได้ถึงอันดับที่ 24 




หลังจากสิ้นสุดอัลบั้มนี้ ทางวงได้ประกาศแยกวงอย่างไม่มีกำหนด
สมาชิกหลายคนได้แยกออกไปทำโปรเจคของตัวเอง 

Nate Barcalow และ Daniel Wonacott ได้ออกไปทำวง Cosmonaut
Randy Strohmeye มือกีตาร์ก็ได้ออกไปทำโปรเจควง Gazillionaire และก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้วงอินดี้ร็อคอีกมากมาย
Alex Pappas  ตีกลองให้กับวง  Redgun Radar จนถึงปี 2007 จากนั้นก็ได้ไปร่วมกับ The Guana Batz
Alex Linares มือกีตาร์อีกคนกลับไปศึกษาต่อ





และในปี 2007 ทางวงได้ประกาศว่าจะกลับมารวมกันทั้งอัลบั้มชุดที่ 3 อีกครั้งโดยออก
  EP มาก่อน โดยใช้ชื่อว่า Finch  มีอยู่ด้วยกัน 4 เพลง วางแผงในปี 2008 กับค่ายเพลงอิสระ และก็ได้ร่วมทัวร์กับวง  Scary Kids Scaring Kids,Foxy Shazam


แต่ยังไม่ทันที่ได้จะได้ออกอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 แบบเป็นทางการ วงก็แตกอีกครั้งในปี 2010 โดยทางวงปล่อยอัลบั้มที่ทำไว้ให้ดาวโหลด ทำให้อัลบั้มชุดที่ 3 กลายเป็น EP  ไปโดยปริยาย
โดยใช้ชื่อว่า Epilogue



และในปี 2013 วงได้ประกาศรวมตัวอีกครั้งหนึ่ง(อีกแหล๊ะ) โดยทัวร์อีกครั้ง
โดยใช้ชื่อว่า WWhat It Is to Burn 10-year anniversary tour เพื่อเป็นฉลองครบรอบ 10 ปีของทางวง
และก็ยังจะร่วมทัวร์ใน warped tour 2014 อีกด้วย

และก็แว่วๆมา ในปี 2014 ทางวงกำลังจะทำอัลบั้มที่ 3 อีกครั้ง สาธุ๊....ขออย่าให้วงแตกอีกนะ